Sunday, March 02, 2008

ไกล



ไกล/วิภพ ล้อมเขต

ครั้งหนึ่งในความเป็นจริงของคำว่า ‘ชีวิต’ ทุกครั้งที่แหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วเห็นเครื่องบิน ผมมักจะนึกถึงความสัมพันธ์ของคู่รักที่ถึงคราวต้องห่างไกลกัน โดยมีระยะทาง กาลเวลา และความสับสนเป็นบททดสอบอยู่เสมอ


แน่นอนคำว่า ‘เดี๋ยวก็เลิกกัน’ มักจะเป็นคำพูดที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ จากปากของคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนรู้จัก ยิ่งในช่วงที่ใจของเราต่างเปราะบางด้วยแล้วละก็ คงมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพื่อเดินไปหาไออุ่นที่ใกล้กว่า ในช่วงเวลาขณะที่อีกฝ่ายยังยืนรออยู่ที่เดิมไม่เคยคิดจะแปรเปลี่ยน เพียงเพื่อท้ายที่สุดแล้ว จะต้องพบเจอแต่ความว่างเปล่าก็ตาม


รุ่นพี่คนหนึ่งที่ออฟฟิศของผมผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายปีบอกว่า คู่รักคู่ไหนที่อยู่ไกลกัน เรื่องที่จะเลิกกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่เลิกกันนี่สิถือว่าเป็นเรื่องแปลก


ผมในฐานะของผู้ชายไทยที่ไม่เคยไปเหยียบผืนดินต่างแดน ฟังแล้วก็ตกใจจนต้องถามกลับไปว่า เพราะอะไรถึงทำให้คำตอบของรุ่นพี่ออกมาเป็นเช่นนี้


"คนเราไปอยู่ต่างประเทศมันก็ตัวคนเดียว อากาศที่โน่นมันก็ดีกว่าบ้านเรา ไปยืนรอรถเมล์อากาศดีๆ บรรยากาศโรแมนติก เหงาๆ หน่อย สบตากัน ก็พบรักแล้ว"


ฟังดูอาจตลก แต่เหตุผลแบบนี้ก็มีใครหลายคนใช้เป็นข้ออ้างในการหาไออุ่นครั้งใหม่มานักต่อนักแล้ว และบางคนก็อาจจะตลกไม่ออก


"ก็นี่คือการรักตัวเองแบบหนึ่งไงละ" รุ่นพี่แย้ง เมื่อผมถามว่า แล้วทำไมถึงไม่คิดถึงความรู้สึกของคนรักที่รอคอยตัวเองอยู่บ้าง


ฟังดูอาจโหดร้ายในช่วงเวลาที่ต้องไกลกัน บนโลกของความรักที่เคยเป็นสีชมพูที่ต้องกลายเป็นสีเทา และไม่เหลือร่องรอยของวันวานที่เคยเป็นสีชมพู


ผมนึกถึงตัวเองในอดีต ครั้งเมื่อไปยืนรอรับคนที่ตัวเองรอคอยที่สนามบิน โดยที่ไม่ได้บอกเธอไว้ล่วงหน้าว่าผมจะมารับเธอ


แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ผมอยากให้เธอรู้สึกแปลกใจ และสิ่งที่ผมต้องเผชิญคือเรื่องของความเสี่ยงที่อาจจะได้เจอเธอหรือไม่ได้เจอเธอเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องที่สองที่ตามมาก็คือ เมื่อผมพบเธอแล้ว ผมอาจจะเห็นภาพที่ไม่อยากเจอ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องของความจริงตลอดระยะเวลาที่เราสองคนต้องไกลกัน โดยมีระยะทาง กาลเวลา และความสับสนเป็นบททดสอบ


ผมยืนรอเธออยู่นานเท่านาน แต่สุดท้ายเวลาของเราสองคนก็คลาดเคลื่อน จนทำให้ไม่ได้พบกัน
เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมานานเท่านานจวบจนถึงปัจจุบัน ผมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้พบเธออีกเลย มีเพียงแค่เสียงตามสาย ที่ค่อยๆ ห่างไกลกันบนถนนของความรู้สึกเข้าไปทุกที


"เวลามองขึ้นไปบนฟ้า ฉันนั้นเห็นแต่ภาพเธอ อยู่ไกลกันสุดสายตา..."


ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ผมมักจะนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเคยรอคอยใครคนหนึ่ง และยังคงเชื่ออยู่เสมอว่า


ตราบใดที่ยังรักและเชื่อใจกัน เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญกับความห่างไกล โดยมีระยะทาง กาลเวลา และความสับสนเป็นบททดสอบ ถ้าข้ามผ่านมันไปได้ สิ่งเหล่าจะช่วยเติมเต็มในความรักของคนสองคนให้แข็งแรงขึ้น ไม่ใช่กลายเป็นสาเหตุให้คนสองคนนั้นต้องไกลกัน


มากกว่าเดิม...