ความคิดถึงจากความหลัง-วิภพ ล้อมเขต
ความคิดถึงจากความหลังค่อยๆ เรียงตัวเป็นก้อนความทรงจำถึงเรื่องราวบางอย่างในเช้าของวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
วันนั้น...ผมมีธุระต้องเดินทางผ่านจังหวัดชลบุรีแบบไม่ตั้งใจ และรู้ตัวว่าจะต้องไปที่นั่นก่อนออกเดินทางไม่กี่นาที จริงอยู่ว่าเรื่องแค่นี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรมากมายนัก ถ้ามันไม่ใช่วันคล้ายวันเกิดของหญิงสาวคนหนึ่งที่ผมรัก และพยายามจะลืมไปจากความทรงจำ
เช้าวันนั้น ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดหมายเลขของเธอซึ่งครั้งหนึ่งเคยแสดงที่หน้าจอของผมอยู่เป็นประจำ แต่ช่วงเวลานั้นก็ผ่านมาเนิ่นนานจนหมายเลขไม่ถูกบันทึกไว้ในการโทรออก
ถ้านับวันเวลาที่เราไม่ได้เจอกันแบบเข้าข้างตัวเอง มันก็น่าจะผ่านมาประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ถ้าเอาแบบเข้าข้างตัวเองละก็ผมบอกได้เลยว่า ไม่รู้ว่าวันที่เราสองคนจะได้พบกันอีกครั้งนั้นจะสิ้นสุดเมื่อไร
เมื่อผมกดปุ่มโทรออก ชื่อของเธอปรากฏบนหน้าจอแสดงผล เสียงรอสายดังเป็นสัญญาณธรรมดา สลับกับใจผมที่เต้นรัวมากขึ้นเมื่อเสียงสัญญาณดังเพิ่มจำนวนทุกวินาที
ผมไม่รู้ว่าเธอจะรับสายหรือเปล่า เพราะก่อนหน้าที่จะหยุดการติดต่อกันไปก็เป็นเพราะถ้อยคำที่เธอบอกผมว่า “ต่อไปนี้ไม่ต้องส่ง sms หรือโทรมาหาแล้วนะ เพราะไม่อยากทะเลาะกับแฟน”
ผมไม่เคยคิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเธอนับตั้งแต่เราสองคนรู้จักกันมา ทั้งที่ในใจผมตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นห่วงเพื่อน พอเจอแบบนี้เข้าจึงรู้สึกอึ้งและได้แต่บอกตัวเองว่า มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหากเธอจะแคร์คนรักของเธอมากกว่าผม ซึ่งเป็นคนที่เธอไม่ได้รัก
ตอนนั้นหลังจากวางสาย ผมรู้สึกเหมือนหมาตัวหนึ่งที่วิ่งไปหาเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้วถูกเจ้าของไล่ออกมาไม่มีผิดเพี้ยน
ผมไม่คิดจะหาคำแก้ตัวใดๆ มาแก้ต่างให้กับความรู้สึกดีๆ ที่เสียไป นอกจากทำตามที่เธอขอร้อง แม้ว่าวันต่อมาเธอจะบอกผมว่าเรายังคุยและเป็นเพื่อนกันได้ก็ตาม แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยติดต่อเธออีกเลย จนมาถึงวันนี้ที่มีเสียงสัญญาณรอสายคั่นกลางระหว่างการรอคอยของผม
เมื่อเธอรับโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่ผมโทรมา เพราะว่ามันก็นานมากแล้วที่เราสองคนไม่ได้คุยหรือติดต่อกันเลย
“จำได้ด้วยเหรอว่าวันนี้เป็นวันเกิด” เธอเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากผมอวยพรวันเกิดให้แก่เธอ
ผมบอกเธอว่านอกจากจะจำได้แล้ว ยังไม่เคยลืมเลยสักปีว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ แต่จะว่าไปทุกครั้งที่ถึงวันเกิด ผมก็ไม่เคยได้พบหรืออยู่ใกล้ๆ เธอเลยสักครั้ง ยกเว้นก็ครั้งนี้ที่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา เพราะผมอยู่ใกล้ๆ บ้านของเธอจึงลองถามว่าจะออกมาหาผมได้ไหม
“รู้จัก...กี่โมงละ”
“น่าจะไปถึงประมาณ 10 โมง แล้วคงอยู่ได้แค่ครึ่งชั่วโมง ก็ต้องเดินทางต่อ”
“10 โมงเหรอไม่ว่างอ่ะ ติดธุระพอดี ต้องรอเขาเอารถมาส่ง”
“ให้เขามาส่งตรงที่ผมไปไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ไม่ได้ แต่ถ้ามาถึงแล้วลองโทรมาอีกครั้งก็ได้”
ผมพยายามต่อรองเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อจะได้พบเธอ แต่ก็เหมือนว่าความพยายามของผมจะสูญเปล่า และดูจะเป็นอีกครั้งที่ไม่ว่าจะพยายามพบเธอแค่ไหนก็ไม่ได้พบอยู่ดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะได้พบแต่ก็ไม่ได้พบมาตลอด
เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับผมบ่อยมาก บ่อยจนผมเริ่มท้อ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้พบเธออีกสักครั้งเพื่อที่จะได้บอกลาเธอ
ตลอดระยะเวลาที่ผมรอคอยเพื่อจะพบเธออีกสักครั้ง จะเรียกว่าเป็นความเพ้อฝันเพียงลำพังข้างเดียวผมก็ยอมรับ
ทุกวันนี้ข้าวของรูปภาพต่างๆ ที่เธอส่งมาให้หรือเป็นของเธอ ยังคงวางอยู่ที่เดิมในห้องของผมไม่เคยขยับเขยื้อนไปไหน เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่าผมควรจะเก็บของพวกนี้ออกไปจากห้อง เพราะจะว่าไปผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่ติดอยู่กับความหลัง ยิ่งนานวันเข้าก็เริ่มไม่เปิดรับใครหรือพยายามที่จะมีใครใหม่ หรือถ้ามีใครใหม่ก็ไม่ได้รู้สึกเต็มที่เหมือนกับที่รู้สึกกับเธอ
ผมเป็นคนรักใครยาก แต่ในทางกลับกันหากได้รู้สึกรักใครสักคนแล้วก็ยากที่จะลืมเช่นกัน
ทุกวันนี้ผมคงผิดเองที่ยังคงหลอกตัวเองไปวันๆ และเป็นเพราะทั้งหมดนี้ผมยังไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไรนัก ว่าจะลบเธอออกไปจากความทรงจำได้เมื่อไร
ท้ายที่สุดผมเดินทางออกมาจากจังหวัดชลบุรีพร้อมกับความผิดหวังอีกครั้ง ได้แต่นึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ และแน่นอนว่าผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะในยามที่โลกของความจริงแยกเราสองคนให้ห่างไกลกันมากกว่าเดิมนั้น บางทีอาจจะเป็นผมฝ่ายเดียวก็ได้ที่ยังคงยืนรอคอยเธอซึ่งเดินจากไป แล้วแบบนี้ผมจะไปโทษใครได้
นอกจากต้องโทษตัวเอง…
Sunday, November 23, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
11 comments:
เศร้าอีกล่ะ....พี่เรา
อย่าโทษตัวเอง..ในสิ่งที่ตัวเองเลือกสิ
ไม่รู้นะ..สำหรับฉันน่ะ..ลองเลือกอะไรไปแล้ว แม้จะเจ็บปวด ทรมาน ฉันก็ยังมองเห็นความสุขในนั้น
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณสุขไหมที่ยังคงรอคอย
-ผู้หญิงที่หลงรักฤดูฝน-
เศร้าจังค่ะ
เคยคิดกับตัวเองว่า การรอคอยคนรักของเรานั้นก็เจ็บปวดพอแล้ว ทั้งระยะทางและเวลา แต่ยังไงก็เป็นการรอคอยที่มีความสุขเพราะยังไงซะมันก็มีความรักที่ปลายทางรอเราอยู่
แต่ถ้าต้องมาเจอสภาพ รอคนที่เรารัก รอโดยไม่มีความรักปลายทางให้เรา มันคงเจ็บปวดแบบทนไม่ได้แน่เลย เจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง หรือทุกครั้งที่มันแว๊บผ่านเข้ามาในใจเรา
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
วันนี้ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นสามโหมดสำหรับคุณวิภพ
โหมดกวนตีน
มีคนเคยบอกกูว่า เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย กูค่อนข้างชอบและคิดว่าน่าจะเหมาะกับมึงดีเลยเอามาให้อ่าน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามึงเป็นพวก 'จำ' หรือพวก 'ทน' หรือเป็นพันธ์ผสมประเภท 'จำทน' กันแน่
โหมดว้าเหว่
ผมเข้าใจความรู้สึกที่คุณ -ผู้หญิงที่หลงรักฤดูฝน- พยายามจะบอกนะ แต่บางครั้งชีวิตที่เหมือนเลือกได้ของเราก็ไม่มีทางเลือก หลังจากอ่านข้อเขียนของคุณวิภพมาหลายเรื่องและหลายรอบ ผมว่าถ้าเป็นไปได้ เขาคงอยากเลือกจะลืมและก้าวต่อไปมากกว่า อาจเพราะการทำงานของหัวใจเป็นระบบอัตโนมัติ อยู่เหนือการควบคุมของสมอง และคุณวิภพเป็นพวกประนีประนอมไม่นิยมให้สมองทะเลาะกับจิตใจ อะไรๆ เลยเป็นแบบนี้แหล่ะ
โหมดจริงจัง
นายเขียนเรื่องของผู้หญิงคนนี้ได้อินจริงๆ ว่ะ มันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับงานเขียนของนายก็ได้นะ ถ้าสูญเสียมันไป เราเกรงว่านายจะไม่มีเรื่องให้เขียนและเงียบหายจากบลอกไปนานเลย
แต่ก็อย่างว่า คงต้องเลือกระหว่าง เขียนได้ดีแต่ชีวิตโหวงๆ กับชีวิตปกติแต่เขียนไม่ดีเนอะ
ปล.1 ไม่รู้ว่าความเห็นไหน 'คม' หรือ 'ควาย' สำหรับมึงนะ ลองอ่านแล้วพิจารณาดูเองละกัน
-ผู้ชายที่ว่างเปล่าในฤดูหนาว- (เห็นใครๆ เขามี อยากมีมั่ง ท่าทางจะเท่ดี)
เข้าใจถึงความรู้สึกข้อนี้ดีค่ะ ^^ ตอนที่จะได้พบกลับไม่ออกมาพบ แต่ตอนที่อยากจะพบกลับไม่ได้พบ ฟ้าช่างเล่นตลก(ทั้งๆที่เราเป็นคนทำมันเอง ตั้งแต่แรก)
แต่ตอนนี้ที่ทำได้คือก้าวเดิน ไปมีชีวิตของตนเอง
ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ หากคุณไม่รับความเจ็บปวดนั้นมาใส่ใจ เพียงแค่เก็บความทรงจำนั้นได้ให้ได้รุ้ว่าเทอยังมีตัวตน
มาตอบแล้วครับ
maeyingzine
พี่ไมได้เศร้าอย่างที่เอ็งคิดนะ
-ผู้หญิงที่หลงรักฤดูฝน-
เวลาเรารักใครสักคน เราก็คงไม่อยากให้เขาโดนว่าหรอกครับ อีกอย่างเป็นผู้ชายมันก็ต้องปกป้องเขาสิถึงจะถูก
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
การรอคอย คือเรื่องที่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องพบเจอ เพียงแต่จะพบเจอแบบไหนนั้นก็ต่างกันไปครับ อย่างของผมจะว่าโชคดีมันก็ใช่ หรือจะว่าโคร้ายมันก็ใช่อีกเช่นกัน
kimja
กูว่าที่เด็ดกว่างานเขียนกูก็น่าจะเป็นคอมเม้นมึงนะ 55
kobbadtz
ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้สึกไปนะครับ อ่านแล้วนึกถึงเพลงก้อนหินก้อนนั้นเลย แต่ก็น่าแปลกที่บ่อยครั้งความเจ็บปวดจะเป็นแรงขับเคลื่อนการสร้างงานเขียนได้ดีกว่าความสุขนะครับ และก็ดุเหมือนว่าผมเองก็จะเป็นแบบนั้นไปเสียแล้วละ
หนุ่มขี้เหงาของฉัน
งง นิดหน่อยกับคำตอบของคุณ
แต่ก็นะ คุณว่าเช่นไรก็ว่าไปตามนั้นละกัน
ฉันมันพวกถ้าหลงใครเข้าแล้วเป็นต้องเออออห่อหมกไปตามกัน
:)
-ผู้หญิงที่หลงรักฤดูฝน-
โหมดรักยาก ลืมยาก
ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าเมื่อไรจะหาย
ก็อยู่กับปัจจุบันแล้วให้เวลาค่อยๆ พาเรากลับมาเป็นคนเดิมก็พอ :)
ไม่เคยลืม .. แต่ก้อไม่เคยรอ
บางครั้งชีวิตก้อต้องเดินต่อ ..
ความรัก ..ดีดีมีให้จำไม่กี่ครั้งมั้ง
แต่ถ้ารักได้อย่างมี่ความสุข
ก้อคงต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยเค้าไป .. :)
ปล. ชอบที่คุณเขียน อ่านเข้าใจง่ายดี
ฝนเม็ดแรกมันช่างตกได้ต่อเนื่องยาวนานดีแท้อะไอน้อง
ฉันไม่รู้ว่าคุณใช้เรื่องจริงมาเขียนหรือเปล่า
ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องชมกันจริงจังว่าถ่ายทอดได้ดีมาก อ่านแล้วเจ็บปวดไปด้วย
ส่วนถ้าใช่ ...
จะทำยังไง จะเลือกทางไหน คุณเองก็คงตัดสินใจไปแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าคุณคงมีความสุขพอประมาณกับทางที่เลือกนะคะ...
Post a Comment