Wednesday, September 06, 2006

ดอกไม้ยางแบน




เรื่องของเรื่องคืออยู่ๆ พี่สาวนักเขียนก็บอกว่าชอบคำที่เขียนว่าดอกไม้ยางแบน แต่งานอื่นๆ ในบล็อกยังไม่โดนเท่าไร(สืบเนื่องมาจากขุดงานเก่าๆ มาลง) ก็เลยหันไปบอกว่า ดอกไม้เป็นชื่อจักรยานที่ใช้อยู่ทุกวันแล้ววันนั้นไปเติมลมมาแล้ว…พอเล่าถึงตรงนี้พี่สาวนักเขียนก็บอกว่า เดี๋ยวไปเขียนในบล็อกให้พี่อ่านดีกว่า ก็เลยต้องเงียบไปตามระเบียบ

พอพูดถึงดอกไม้แล้วก็นึกย้อนไปถึงวันแรกที่ไปซื้อมาจากร้านจักรยานมือสองแถวลำลูกกา ตอนนั้นไปเดินดูอยู่หลายวันจนสุดท้ายก็ได้จักรยานโบราญที่มีตะแกรงหนีบของข้างหน้ายี่ห้อ Miyata คันสีส้ม ในราคา 3,500 บาท และปั่นกลับบ้านเอง(ประมาณ10 กิโล) เพราะนั่งรถเมล์ไปซื้อ

อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาก็จัดการแปลงโฉมซะใหม่ด้วยการเอาไปทำสีชุบโครเมี่ยมหมดไปประมาณอีก4,000 บาท ตอนที่บอกช่างทำสีว่าจะเอาสีชาเย็นนั้นดันเข้าใจผิดว่าชาเย็นเรียกว่านมเย็น สีที่ออกมาจึงเป็นสีชมพูอ่อนๆ ไม่ใช่สีส้มอย่างที่เห็น แล้วตั้งชื่อว่าไอ้ดอกไม้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เบ็ดเสร็จแล้วดอกไม้ราคาประมารเกือบ 8,000 บาท 3 ปีผ่านมาแล้วแต่ล้อของดอกไม้ก็หมุนอยู่ทุกวัน และยังคงไม่มีเบรกหลังเช่นเคยเพราะหาซื้ออะไหล่ไม่ได้
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมปั่นดอกไม้ตามรถยนต์คันหนึ่งบนถนนแล้วโดนตำรวจเรียก ตอนนั้นได้แต่คิดว่าจะโดนจับข้อหาอะไรหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นว่า ตำรวจเขาชอบไอ้ดอกไม้เลยอยากจะขอซื้อ
“10,000 ขายมั๊ย”
ได้แต่ยิ้มๆ แล้วส่ายหน้าบอกไปว่า
“ไม่ขายครับ”
“ไม่ขายงั้นจับนะ”
“ข้อหาอะไรครับ”
“รถสวย”
แล้วทุกวันนี้ตำรวจคนนั้นก็ยังคงถามอยู่เสมอหากว่าเจอกัน แต่ขอโทษนะครับคุณตำรวจ ผมเป็นคนรักใครรักจริงครับ(แป่ว เกี่ยวไรกันว่ะเนี่ย)
ดอกไม้ในวันนี้ถูกสนิมจับเกือบจะหมดทั้งคันแล้วเนื่องจากว่าเอามาใช้งานจริงๆ ทุกวันไม่ได้มีไว้เพื่อขี่โชว์สาวทั้งๆ ที่ดอกไม้เป็นจักรยานที่สวยมากๆ ทุกๆ วันผมจะปั่นดอกไม้มาจอดไว้ที่ร้านรับฝากรถของป้าหน้าปากซอยจนกลายเป็นขาประจำกันไปหรือไม่หากวันไหนกลับมาไม่ทันดอกไม้ก็จะกลายเป็นรถที่โชว์อยู่ในร้านแทน มีช่วงหนึ่งที่ดอกไม้ถูกพักร้อนไปนานพอสมควรเพราะความสะดวกสบายที่ผมหันไปพึ่งบริการของพี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างแทนถึงขนาดที่ว่าเห็นดอกไม้อีกทีก็มีหยากไย่เกาะอยู่ที่ดอกไม้แล้วยางก็แบนไปมาก

สามวันที่ผ่านมาผมจึงกลับมาปั่นดอกไม้อีกรอบหนึ่งแล้วให้ลุงร้านจักรยานเติมลมให้ ถ้าใครที่เคยปั่นจักรยานบ่อยๆ คงจะรู้ว่าเวลายางแบนกับยางตึงๆ นั้น แรงหน่วงตอนปั่นมันต่างกันแค่ไหน ดอกไม้ก็เช่นกันเติมลมเสร็จก็พาผมวิ่งฉิวเหมือนเมื่อวันแรกๆ ที่ซื้อมา แต่พอปั่นไปได้ครึ่งทางก็เริ่มรู้สึกว่าต้องออกแรงมากขึ้นๆ จนในที่สุดก็ต้องลงมาจูงดอกไม้เดินกลับบ้าน นึกในใจสงสัยว่าคงขับไปเหยียบอะไรจนยางรั่วแน่ๆ แต่พอถึงบ้านถึงได้รู้ว่า ลุงที่เติมลมให้แกไปคลายเกลียวตรงจุกลมแล้วลืมปิด ลมที่เติมเลยออกหมดเลย…ตอนนี้ดอกไม้เลยยางแบนจอดแน่นิ่งอยู่ที่บ้านรอแมงมุมมาทำลังใหม่อีกครั้งหนึ่ง เลยไม่รู้ว่าจะโกรธลุงที่เติมลมหรือตัวเองที่ไม่ใส่ใจดอกไม้เหมือนวันก่อนๆ ที่ไม่ยอมดูจุกเติมลมว่ามันแน่นหรือเปล่าจนทำให้ต้องเดินจูงดอกไม้เข้าบ้านเป็นกิโลท่ามกลางแดดในตอนเที่ยง…

2 comments:

Anonymous said...

อ้ายคนจนเลยต้องทนปั่นรถถีบ...ดีนะที่ยังมีเจ้าดอกไม้เอาไว้ดูแล...เห็นมะปล่อยให้ยางแบนแฟนก็ทิ้ง..
ป.ล.พี่ตำรวจอยู่แถวไหนเหรอ ว่างๆ จะขับรถผ่านไป เผื่อจะโดนจับข้อหา คนขับสวย...อิอิ

Anonymous said...

โห ขี่กลับบ้านเลยเหรอ อึดดีแท้


ชอบนะ จักรยานดูคลาสสิคดี
แต่เอามาแต่งซะจนแพงเชียว 55+
ระวังนะจอดไว้ร้านไหน
หายไม่ต้องสืบ
ดาวขโมยเอง ฮ่า