Tuesday, September 05, 2006

คิดถึง



ท้องฟ้าวันนี้อ้างว้าง…มีเพียงความทรงจำเป็นก้อนเมฆ
แสงแดดในยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตื่นก่อนเวลาที่กำหนดไว้เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา แต่จะแปลกหน่อยก็ตรงที่วันนี้ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดถึง

ปกติแล้วหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมา ผมมักจะเดินไปเปิดเพลง แล้วนั่งนิ่งๆ อยู่กับที่สักพักหนึ่ง คล้ายๆ การวอร์มจังหวะของชีวิตให้พร้อมรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่ในเช้าวันนี้ผมกลับได้แต่นอนนิ่งๆ อยู่บนที่นอน แล้วกลายเป็นชายผู้เงียบใบ้ของยามเช้า โดยไม่มีเสียงเพลงใดๆ แว่วดังเหมือนทุกเช้าที่ผ่านมา
ภาพของความทรงจำเก่าๆ ถูกกรอกลับไปกลับมา คล้ายฉากบางฉากในหนังที่ดูกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ ที่ตรงนี้ ร้านนี้ หนังสือเล่มนี้ เพลงนี้ และชื่อเล่นที่ต่างคนต่างตั้งให้กัน ทุกอย่างล้วนกลายเป็นความทรงจำที่ทอดผ่านให้ได้คิดถึงอยู่เสมอ

อยากคุย จำเบอร์โทรศัพท์ได้ขึ้นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก คล้ายๆ ตายจากกันทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่ และทำได้เพียงนอนคิดถึงอยู่เงียบๆ เพียงฝ่ายเดียว
เมื่อเราได้คิดถึงใครสักคน เราจะไม่รู้สึกว่าเขาหรือเธอคนนั้นอยู่ห่างไกลจากเรา และเพียงแค่หลับตาลงก็จะได้พบเจอ ถึงแม้จะรู้ว่า บางครั้งความคิดถึงก็ไม่ต่างอะไรจากความว้าเหว่

เช้านี้จึงกลายเป็นเช้าที่ดูจะโรยรา แม้ว่ากาลเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน น่าจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นมาบ้าง โดยที่ลืมเสียสนิทใจว่า บางครั้งบางเวลา ความรู้สึกข้างในก็ยังย่ำอยู่ที่เดิม และไม่ได้เดินหน้าอย่างที่คาดหวังไว้

กาแฟคาปูชิโน่แก้วเล็กๆ กลายเป็นเครื่องมือในการนวดอารมณ์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ไอร้อนจากแก้วกาแฟคาปูชิโน่พลิ้วไหว เพราะลมหายใจที่ถอนออกมา เพียงเพื่อหวังให้อ้อมกอดของความคิดถึงคลายตัวลงไปบ้าง

อารมณ์คิดถึงใครสักคนหนึ่งที่เรารักเป็นความรู้สึกที่งดงาม แต่ในทางกลับกันก็คล้ายดั่งมีดเล่มหนึ่งที่กดลึกลงไปในส่วนลึกของความรู้สึก หากว่าเขาหรือเธอคนนั้นได้แต่เพียงนึกถึงเราไม่ใช่ คิดถึง

คนเราคิดถึงกันแทบทุกวันของลมหายใจ อยู่ที่ว่าจะจับความรู้สึกของตัวเองได้หรือเปล่า บางคนใช้ดอกไม้หรือตุ๊กตาเป็นสื่อแทนคำว่า คิดถึง ในขณะที่บางคนเลือกที่จะเงียบใบ้เพราะกลัวจะได้เพียงคำว่า “นึกถึง” เป็นเสียงตอบกลับมา เมื่อเอ่ยคำว่า “คิดถึง” ออกไป
“คิดถึงเสมอ”
คือถ้อยคำในจดหมายฉบับเก่าๆ ของเธอ ที่ผมยังเปิดอ่านซ้ำอยู่บ่อยๆ หลังจากที่เราสองคนต้องลาจากกัน
“ชีวิตคือชีวิต มีทั้งดีและร้าย และเราก็ต้องเดินต่อไป”
คือถ้อยคำที่เธอพูดกับผมเป็นครั้งสุดท้ายในค่ำคืนของการลาจาก อาจจะจริงอย่างที่เธอพูด แต่จะแย่หน่อยก็ตรงที่เธอเดินไปพร้อมกับคนรักของเธอ ในขณะที่ผมเดินไปพร้อมกับเงาของตัวเอง และเลือกที่จะใช้ชีวิตลำพังโดยมีความทรงจำเก่าๆ เป็นเพื่อนคุย

ไอร้อนของกาแฟคาปูชิโน่ลอยหายไปในอากาศพร้อมกับความคิดถึงในช่วงเวลาที่ยังลืมตา และได้แต่หวังว่า คงมีบ้างบางเสี้ยววินาที ที่ความคิดถึงได้เดินไปจนสุดทาง
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความคิดถึงที่ถูกลืม…

1 comment:

Anonymous said...

แม้ไม่ใช่คนโปรดอย่างคนอื่นเขา
แม้จะดูว่างเปล่าในสายตาเธอ
ไม่เคยทำให้คำว่าฉันรักเธอ
ลดน้อยลงได้เลยสักวัน


ขอเพียงเธอไม่ลืมว่าใครอยู่ตรงนี้
ขอเพียงมีสักคำว่าคิดถึงกัน
แค่นั้นก็เกินพอให้คนอย่างฉัน
ฝันดียิ่งกว่าคืนไหน


"คนไม่สำคัญ" พลพล