Wednesday, June 13, 2007

เรื่องของแมว


ทุกครั้งที่เจ้าแมวเหมียวกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ ไม่นานเกินรอผมจะต้องจับมันลงไปข้างล่างเพราะความซนและความขี้อ้อนของมันที่ทำให้ผมทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก
อย่าเข้าใจผิดว่าผมเลี้ยงแมว เพราะตั้งแต่จำความได้ สัตว์ประเภทเดียวที่อยู่คู่กับตระกูลล้อมเขตมาอย่างยาวนานมีเพียง 'หมา' เท่านั้น ส่วนเจ้าแมวตัวนี้เป็นลูกแมวจรจัดที่อยู่หลังร้านของพี่สาว และเป็นแมวตัวเดียวในบรรดาหมู่แมวจรจัดหลังร้านทั้งหลายที่ไม่วิ่งวงแตกเมื่อเห็นคน หนำซ้ำยังเดินเข้ามาหาและออเซาะให้ได้เห็นใจ
เสียงร้องเหมียวๆ เหมือนเรียกร้องความสนใจ พอหันไปถามว่า 'อะไร' ก็หยุดร้องเสียพักหนึ่ง เหมือนกับเจ้าเหมียวมันต้องการแสดงถึงการมีตัวตนของมันอยู่ ประมาณว่า 'หันมามองฉันบ้างสิ ฉันอยู่ตรงนี้' และพอมันกระโดดขึ้นมาคลอเคลียก็อดไม่ได้ที่จะจับมันลงไปไว้ข้างล่างเช่นเคย แรกๆ ก็รู้สึกดีที่มีใครมาเห็นคุณค่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเราแม้จะเป็นแค่เเมวก็เถอะ แต่นานเข้า ถี่ขึ้นก็เกิดความรำคาญ จับมันโยนออกไปบ้าง ทำทุกวิธีไม่ให้มันเข้ามาสร้างความรำคาญ จนสุดท้ายเจ้าเหมียวเหมือนจำยอมและรู้ถึงคุณค่าของตัวเอง เลยค่อยๆ หายไป ไม่มาให้เห็นอีก รู้สึกตัวว่าจะไม่ได้เจออีกแล้วก็ตอนที่ชะเง้อหาเจ้าเหมียวเวลาอยู่คนเดียว และมีเพียงความว่างเปล่าเดินมานั่งเป็นเพื่อน
ผมไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวหายไปไหน แม้เจ้าเหมียวจะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่การหายไปก็สะกิดใจให้นึกถึงคนในอดีตคนหนึ่งขึ้นมาเหมือนกัน
บ่อยครั้งที่คนเราเฉยเมยและไม่เห็นค่าของสิ่งที่มีอยู่ จวบจนวันหนึ่งต้องสูญเสียมันไป
เรากลับเรียกร้องและโหยหาสิ่งนั้นกลับมา
จากเคยมีอยู่กลายเป็นไม่มี ทุกอย่างอาจเป็นไปตามเงื่อนไขของเวลาที่เดินอยู่บนความรู้สึก
เราไม่เคยนึกมองย้อนกลับว่า ถ้าเราเป็นคนที่ถูกทิ้งขว้าง ใจเราจะเป็นอย่างไร
คนเรามักจะมักง่ายกับความรู้สึกของคนที่เราไม่ได้รัก
และทุ่มเททั้งชีวิตให้กับคนที่เรารัก
ใจเขาใจเรา คติโบราณว่าไว้แบบนี้
หรือต้องรอรู้สึกตัวอีกทีเมื่อสายเกินไป
จนเรียกคืนอะไรกลับมาไม่ได้
เหมือนกับที่ไม่รู้ว่า...เจ้าเหมียวหายไปไหน

25 comments:

Anonymous said...

ดีนะ ดำเนินเรื่องก็โอเค อ่านตอนสุดท้ายแล้วเศร้า อะนะนึกถึงตอนตัวเองโดนทิ้งเลยอะ

Anonymous said...

ถ้าพี่เขียนว่ารักแมว ภาจะให้คะแนนเต็ม 10 เพราะชอบเหมือนกัน (ซะงั้น)
"สัตว์พันธุเดียว" พิมพ์ผิดนะคะ ต้องมีการันต์ด้วย (ยังจะปรู้ฟได้อีก)
"คนเรามักจะมักง่ายกับความรู้สึกของคนที่เราไม่ได้รัก" ใช่เลย ภาก้เป็น
รู้สึกเป็นเอกลักษณ์ของพี่เลยนะที่จะเริ่มเรื่องด้วยเหตุการณ์สามัญแล้วจบแบบปรัชญา ภาษาอ่านง่ายดี เหมือนฟังคนคุย
ถ้าเป็นข้อคิดที่เฉียบคมและแตกต่าง (จากคนอื่น ๆ แปลก ๆ แต่จริง ไรเงี้ย)มากกว่านี้ จะเวิร์กมากค่ะ

Anonymous said...

"หรือต้องรอรู้สึกตัวอีกทีเมื่อสายเกินไป
จนเรียกคืนอะไรกลับมาไม่ได้ "
โอ้โห ปลาบปลื้ม อะลุง
บางทีอดีตก็ให้อะไรเราหลายๆอย่าง
ทั้งสุข เศร้า รวมถึงความทรงจำงัยลุง
อย่าบิ้วมากนะ เด๋วแก่เรา 555

วิภพ ล้อมเขต said...

Anonymous สงสัยต้องเลิกเขียนงานเศร้าๆ แล้ว จะพยายามนะ อย่าคิดมาก อย่างน้อยก็ยังเหลือตัวเอง

วรรณภา
มีปรู๊ฟให้พี่ด้วย 555 เพิ่งรู้นะว่างานเขียนพี่เอกลักษณ์เป็นแบบไหน ภาษาพี่อ่านง่ายแล้วสื่อความหมายเข้าใจหรือเปล่านะ 555

aor
บางครั้งความทรงจำก็พังทลายเอาง่ายๆ นะ ถ้าไม่มีค่าแก่การจดจำ

Anonymous said...

แงๆ ผู้ชายแห่งความเหงา ยกฉายานี้ให้ดีกว่า
อ่านทีไร อุ่นนะ อุ่นแบบเหงาๆ

รักแมวแต่ไม่กล้าเลี้ยงแมวอีกเพราะกลัวการสูญเสีย
เจ้าเหมียวโดนคนใจร้ายทำร้ายแล้วมันก็ตาย

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ ^_^

ด.ญ.ปิยวรรณ

Anonymous said...

เหงาเกิ๊น
ไหงพูดเรื่องแมวแล้วมาจบลงอย่างเศร้าสร้อยเหงารักยังกะหนังหว่องกาไหว่อย่างงี้ละคู้นนนนน
แต่ก็จริงนะ วันนึงขาดอะไรไป คงเหงาๆ

อืมมมมมมนะ

วิภพ ล้อมเขต said...

ด.ญ.ปิยวรรณพอดีตามจากบล็อกของพี่ 'ปราย ไปนะครับ เพิ่งเปลี่ยนพาสเวิดได้เลยถือโอกาสนี้ โพสงานชิ้นใหม่ และไปฝากคอมเม้นทักทายไว้ซะหน่อย ขอบคุณสำหรับฉายาที่ยกให้ 'ผู้ชายแห่งความเหงา'ถ้าไม่คิดมากเกินไป ก็เท่ดีเหมือนกันนะครับ

มินตรา
เออ แฮะ พักนี้งานออกเหงาๆ ไงจะพยายามเขียนงานดีๆ แบบกระชุ่มกระชวยดูบ้าง หนังของหว่องกาไว ยังไม่เคยดูเลย สงสัยถ้าได้ดู อาจจะเขียนแต่งานเหงาๆ แน่ๆ ไว้ไปเยี่ยมที่แกลเลอรี่นะมินตรา

เอกดนัย พูลพินิจ said...

เมื่อ 'เวลา' เดินผ่านไป 'ความรู้สึก' อาจเปลี่ยนแปลง

ว่างๆ แวะมาอ่านนิทานของพี่บ้างนะ

Anonymous said...

หวัดดีค่า

นักเขียนในดวงใจ

555

เขียนเส้าดี

สู้ๆ เขียนอีกเยอะๆนะคะ

จามาติดตามอ่านให้ตลอดเลย

สู้ต่อไป ทาเคชิวิภพ

Anonymous said...

ชีวิตก็แบบนี้แหละ ไม่ขาดหายไปก็ไม่รู้หรอกว่าสำคัญแค่ไหน
อยู่ที่ว่า เมื่อรู้ค่าของมันแล้ว จะทำอย่างไร
จะปล่อยให้เจ้าแมวเหมียวหายไป หรือ
ตามหามันกลับมา
....
อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลย
งานเขียนของวิภพก็ยังมีเอกลักษณ์แบบวิภพๆ
อ่านแล้วก็ยังรู้สึกดี แบบเศร้าๆๆ

Anonymous said...

่่่พี่ฝนว่า...เก็บรายละเอียดได้ดีนะ น่ารักดี เป็นผู้ชายมีความละเอียดอ่อน เรื่องน่าอ่านดีนะ ถ้าเขียนยาวๆ จะทำให้ละมุนละไมเท่านี้มั้ย ลองดูดิ เดี๋ยวจะมาอ่านด้วยตอนบีดเข้ามาอ่าน

Anonymous said...

อ่านจบแล้ว รวมๆ ดี ประเด็นสวย มากความรู้สึก เก็บรายละเอียดชัดเจน อย่างที่คนอื่นบอกกันหมด ผู้ชายละเอียดอ่อน มีบางจุดเป็นคำซ้ำซ้อนไปบ้าง ฟุ่มเฟือยไปบ้าง แก้นิดคงจะแจ๋ว แล้วก็มีบางคำเหมือนจะผิดความหมาย อาทิ

ผมทำอะไรไม่ได้สะดวกนัก =ผมทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก
สัตว์พันธุ์เดียว = สัตว์ประเภทเดียว เพราะคำว่า 'พันธุ์' มันน่าจะเหมือนประเภทเดียวกันแต่เชื้อสายต่างออกไป

แก้เหมือนครูภาษาไทยเลยเนอะ แต่อย่างอื่นคนอื่นก็พูดไปหมดแล้วนี่

วิภพ ล้อมเขต said...

เอกดนัย พูลพินิจ
ไม่ต้องรอเวลาหรอกพี่ สิ่งที่จะเปลี่ยนคือตัวเราเอง ไม่ใช่เวลา ว่างๆ จะไปอ่านนิทานของพี่นะ

เกด MSN
เขิลนะเนี่ยกลายเป็นนักเขียนในดวงใจไปเสียแล้ว ยังไงก็มาเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆ นะ เขียนให้อ่านอีกแน่นอน แต่ถ้าเป็นงานเศร้าตลอด พี่เองก็ไม่ไหวนะน้องเอ้ย

ิbeadpooh
แหม...คนมีแฟนอะไรๆ ก็ดูสดใสจริงๆ ดีใจด้วยนะเฟ้ย งานเขียนของวิภพก็ยังมีเอกลักษณ์แบบวิภพๆ
อ่านแล้วก็ยังรู้สึกดี แบบเศร้าๆๆ ---ตกลงมันดีหรือไม่ดีฟะ

่่่พี่ฝน
ตกลงผมกลายเป็นผู้ชายละเอียดอ่อนไปแล้วหรือนี่ ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ เรื่องยาวๆ ก็มีนะครับลองอ่านย้อนหลังดู หรือถ้าอดใจรอไหว รออ่าน ฝนเม็ดแรกตอนเป็นเล่มก็ไม่เลวนะครับ

kimja
ขอบใจวะคิม ติเพื่อก่อดีจริงๆ มาเป็นครูภาษาไทยส่วนตัวก็ดี

Anonymous said...

ทำงานที่ตัวเองชอบ มันก็มีความสุขเนอะ =(^v^)=

Anonymous said...

hi ในที่สุดผึ้งก็มา comments จนได้ เรียกว่าเป็นคนแรกเลยนะ ที่ได้เข้ามาขีดๆๆ เขียนๆๆ วิจารณ์อะไรแบบนี้ ขอบอกว่าไม่เคยอ่าน และติชมใครมาก่อนเลย อาจเพราะไม่ค่อยได้อ่านอะไรอย่างเงี้ยมาก่อน พออ่านของพี่โหน่งแล้วก็รู้สึกดีมาก เขียนได้ดี... ไม่มีที่ติจริงๆๆ ทำให้ผึ้งอยากเขียนบ้างเลย ไม่น่าเชื่อ!!! ว่าจะทำให้คนขี้เกียจคนหนึ่งสนใจอยากเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาบ้างได้...

Anonymous said...

nice story
love reading your stuff
have a great day

Anonymous said...

ในที่สุดก็กลับมาเขียนเรื่องราวเหงา..เหงา พร้อมกับเสื้อยับๆ อีกครั้งแล้วสินะ

อ่านแล้วซึ้งอ่ะ เพราะเป็นคนที่ชอบ 'หมา'เหมือนกัน ทำให้พออ่านจบแล้วเห็นคุณค่าของสิ่งรอบๆตัวเพิ่มขึ้นอีก

ขอให้มีความสุขกับความ'เหงา'นะ

Anonymous said...

เอาอีกล่ะ ไหนบอกว่าจะไม่คิดๆอีกแล้วไง เจ้าโหน่งงง

Anonymous said...

เสื้อยับจงเจริญ แด่เสื้องัวเคี้ยว

Anonymous said...

วิภพ... อยากกินไก่ทอดดดดด....
กับลูกชิ้นปิ้ง

วิภพ ล้อมเขต said...

nat
ก็นี่แหละ ความสุขที่ไม่เคยทำร้ายเรา...

ผึ้ง
เขียนเลยน้อง ถ้าพี่มีค่าพอสำหรับเป็นแรงบันดาลใจ พี่ก็ดีใจ...

Anonymous
nice story...เหนียวแน่นจริงๆ

ZA
แต่พี่ไม่ค่อยจะยินดีกับความเหงาเลย เสื้อพี่คงยับไปอีกนาน...

Anonymous
ก็ไม่อยากคิดหรอก แต่บางครั้งในความทรงจำเราก็จับต้องอะไรไม่ได้ เลยหยิบออกไปไม่ได้เช่นกัน...

tirannor อยากมีคนรีดเสื้อให้เหมือนเดิมมากกว่าครับ..

อธิชา
พูดแล้วชีกหิวแฮะ พี่ มิว ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ

Anonymous said...

อ่านแล้วคิดถึงแมวที่เคยเลี้ยงไว้ แต่ตอนนี้เค้าหนีหายไป เพราะย้ายบ้านคะ เค้าแปลกที่ตกใจที่เห็นน้องหมา เลยวิ่งหนีหายไป คนในบ้านก็ช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่เจอ (ป๊อกกี้แกหนีไปไหนเนี่ยะ คิดถึง...กลับบ้านได้แล้ว)

คนเรามักจะมักง่ายกับความรู้สึกของคนที่เราไม่ได้รัก
และทุ่มเททั้งชีวิตให้กับคนที่เรารัก(ประโยคนี้อ่านแล้ว..รีบกลับมามองตัวเองเลยคะว่า เรามักง่ายกับคนรอบข้างบ้างรึเปล่า)

ขอบคุณที่ไปเม้นให้นะคะ(ดีใจมากค่ะ)
ขอแอดบล็อกของคุณวิภพไว้ที่บล็อกฝนนะคะ

Anonymous said...

ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ แต่พวกมันก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจเราเลยเน๊ออออ

Anonymous said...

คนบางคนจัดการกับความเหงาด้วยวิธีแตกต่างกันไป สำหรับวิภพเลือกที่จะบอกเล่าความเหงาเป็นตัวหนังสือ ...ไม่รู้ว่าวิภพจะต้องเหงาไปอีกนานเท่าไร เพราะคนอ่านเริ่มจะชอบวิธีจัดการความเหงาแบบนี้ซะแล้ว หวังว่าวันหนึ่งวิภพจะพยายามเหงาเพื่อที่จะเขียนอะไรๆ แบบนี้อีก...
โลกพลิกได้ด้วยฝ่ามือเรา

Anonymous said...

พอดีแมวที่บ้านเลี้ยงดีอะ ไม่เคยปล่อยหาย 555