เหมือนฝัน/วิภพ ล้อมเขต
เรื่องราวบางอย่างนั้นช่างห่างไกลจากตัวเรา เช่นเดียวกันกับใครบางคนที่เราเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เคียงชิดใกล้…
เรื่องราวบางอย่างนั้นช่างห่างไกลจากตัวเรา เช่นเดียวกันกับใครบางคนที่เราเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เคียงชิดใกล้…
ผมพบเธอครั้งแรกในบ่ายวันหนึ่งที่โรงอาหารประจำคณะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นครั้งแรกของเธอหรือเปล่าที่พบเจอผม
ภาพหญิงสาวผมยาวรวบผมในชุดนักศึกษา ใบหน้าสะดุดตาที่เผยรอยยิ้ม พร้อมแก้มเจือสีเลือดฝาด ตุ้มหูห่วงสีชมพูที่ขยับทุกครั้งยามสายตาของเธอหันมามอง
คือเธอในตอนนั้นที่ผมยังคงจดจำได้จนกลายเป็นภาพติดตา แต่ภาพติดตาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันก็ดูเหมือนจะถูกกาลเวลากลืนหายไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวเช่นกัน และถ้าให้นับเวลากันแบบจริงจัง อย่างน้อยที่สุดมันก็หายไปจากผมถึง 4 ปี
และเป็น 4 ปีที่ต่างฝ่ายก็แยกย้ายไปเติบโตตามเส้นทางเดินของตัวเอง
ดึกมากแล้วผมนอนไม่หลับ
ได้แต่ขยับพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอน หยิบมือถือขึ้นมากดไล่รายชื่อที่บันทึกไว้ในตัวเครื่องก็ไม่พบใครสักคนที่อยากคุยด้วยในช่วงเวลานี้ และที่สำคัญส่วนใหญ่ก็คงนอนหลับกันหมดแล้ว
สุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อพึ่งพาโปรแกรม MSN ในการหาเพื่อนคุยสักคนหนึ่งสำหรับการฆ่าเวลาที่นอนไม่หลับ เพราะอย่างน้อยที่สุดแล้วคนที่ออนไลน์อยู่ก็คงเป็นคนที่นอนไม่หลับเหมือนกัน
แต่ยังไม่ทันจะจับเมาท์กดดูลิสต์รายชื่อคนที่ออนไลน์ ประโยคทักทายจากหน้าต่างสนทนาของเพื่อนคนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาทันทีที่กระบวนการ Sign in ของผมเสร็จสมบูรณ์
ตึ๊ง ตึง…
“เฮ้ย! แก…ยังไม่นอนเหรอวะ”
ผมมองดูแป้นพิมพ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการพูดคุยของผมกับเพื่อน แล้วนิ้วมือทั้ง 10 ก็ค่อยๆ ขยับไปทีละตัวอักษรเพื่อทดแทนถ้อยคำที่อยากสื่อ
“ยังวะ…พอดีนอนไม่หลับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าแก”
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร แค่ออนไลน์เข้ามาหาเพื่อนคุยนิดหน่อย”
“อ่อ…เออ แกออนไลน์ก็ดีแล้ว ตอนนี้ยังทำงานที่เดิมใช่ไหม”
“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า”
ประโยคคำถามของเพื่อน ทำให้ผมนึกถึงเรื่องการฝากงานที่ผมมักจะโดนอยู่บ่อยๆ และลางสังหรณ์ของผมก็คลาดเคลื่อนไปเพียงนิดเดียว เมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อน
“เยี่ยมเลย ที่ออฟฟิศแกรับเด็กฝึกงานหรือเปล่าวะ พอดีรุ่นน้องของเพื่อนฉันกำลังหาที่ฝึกงาน”
“อ๋อ…รับนะ ลองให้น้องเข้ามาคุยดูสิ”
“เหรอ ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนักหรอก เอางี้…เดี๋ยวฉันให้เพื่อนแอดเมลไปหาแกแล้วกัน เพื่อนฉันจะได้คุยเรื่องฝึกงานของรุ่นน้องคนนั้นกับแกโดยตรง ไม่ต้องผ่านฉันอยู่”
ไม่นานเกินรอ บนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์บริเวณมุมซ้ายของจอ ก็ปรากฏกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่แสดงถึงการถูกขอเพิ่มรายชื่อเข้ามาในลิสต์ของโปรแกรม MSN และพอผมกด ok เพื่อเป็นการยืนยันว่ายินดีรับเข้าเป็นเพื่อน กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ก็หายไปในทันที
ตึ๊ง…ตึง ไม่นานหลังจากนั้นเสียงหน้าต่างสนทนา MSN อีกบานดังขึ้นมาพร้อมไฟที่กระพริบ เป็นสัญญาณว่ามีใครสักคนส่งข้อความถึงผม
มองดูจากชื่อที่ปรากฏอยู่ด้านบนไม่คุ้นนัก จึงพอเดาได้ว่าอาจเป็นเพื่อนของเพื่อนที่เพิ่งขอแอดเข้ามาก็เป็นได้…และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ
“สวัสดี ^_^”
“…”
“สวัสดีเช่นกัน ว่าไงครับ”
“เอ่อ…คือว่าเรามีเรื่องจะรบกวนเธอนิดหน่อย”
หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ถ้อยคำสนทนาต่อจากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่เรื่องราวที่ดูจะเป็นธุระจนทำให้เธอคุยกับผมมากขึ้น ระหว่างที่คุยก็ผลัดกันอำไปอำมาอยู่ตลอด และยิ่งคุยก็ยิ่งกลายเป็นการต่อล้อต่อเถียง
เหมือนเราสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนที่จะมีโอกาสได้รู้จักและพูดคุยกันในวันนี้
จนเมื่อผมเปลี่ยนรูปภาพดิสเพลที่หน้าต่าง MSN เป็นรูปผม ประโยคถ้อยคำสนทนาของเธอก็แสดงถึงความตกใจและรีบถามกลับมาทันที
“เฮ้ย!...นี่เธอเองเหรอ โห…ฉันก็นึกว่าใคร คุยกันมาตั้งนาน มิน่าละกวนเชียว 555”
ประโยคคำพูดของเธอทำให้ผมงง จนต้องรีบพิมพ์ถามกลับไปเช่นกัน
“หือ…เรารู้จักกันก่อนหน้านี้ด้วยเหรอ”
“อ้าว!...เธอจำฉันไม่ได้หรือไง นี่เธอเอาดีๆ สิอย่าเพิ่งกวน พักรบก่อน”
“เปล่า…ผมไม่ได้กวนแต่ผมจำคุณไม่ได้จริง”
“เอางี้ งั้นเธอลองดูรูปที่ดิสเพลฉัน”
ว่าแล้วเธอก็เปลี่ยนรูปที่ดิสเพลสลับไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผมจำได้
ภาพดิสเพลที่ค่อยๆ สลับกันปรากฏขึ้นมา ไม่ได้ให้คำตอบแก่ความจำของผมมากนัก
“จำได้หรือยัง”
“เอ่อ…ขอโทษนะ จำไม่ได้จริงๆ”
คืนนั้น…ช่วงเวลาที่ดึกเกินไปทำให้การสนทนาในวันนั้นจบลง โดยที่ผมยังคงจำไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนตอนไหน แต่เธอนั้นยังคงย้ำกับผมว่า
เราเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ…
หลังจากวันนั้น…
เมื่อเปิดโปรแกรม MSN ทุกครั้งที่เจอเธอออนไลน์ เราสองคนก็จะคุยกันตลอด ถามสารทุกข์สุขดิบกันบ้าง พูดคุยแลกเปลี่ยนในหลายๆ เรื่อง และแน่นอนว่าต้องตบท้ายด้วยคำถามของเธอที่ว่า
“นี่เธอ…จำฉันได้หรือยัง”
ให้ตายสิ…ผมนึกในใจ…ผมยังจำเธอไม่ได้จริงๆ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมยังคงใช้ชีวิตเพียงลำพัง แม้จะมีบ้างบางเวลาที่ปล่อยให้ความรู้สึกของตัวเองจมหายไปในวันเก่าๆ แต่ในขณะเดียวกันจะว่าไปแล้วตั้งแต่ได้รู้จักเธอแบบไม่ตั้งใจ ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ในวันนี้ ได้มีเธอเพิ่มขึ้นมาเป็นเพื่อนอีกหนึ่งคน
เพื่อนที่พูดคุยกัน ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง แม้จะยังไม่เคยเห็นหน้ากันก็ตาม
ไม่สิต้องบอกว่าแม้ว่าเราจะเคยเห็นหน้ากัน แต่ผมเองกลับจำเธอไม่ได้มากกว่า
“เธอ…ฉันจะไปเที่ยวทะเลที่ปราณบุรีสัก 2-3 วันนะ เราคงไม่ได้คุยกันสักพัก”
“อ้าว…เหรอ ยังไงก็อย่าลืมของฝากฉันละ”
หลังจากอำเธอเสร็จ ผมเพิ่งรู้สึกว่าสรรพนามเรียกแทนตัวเองระหว่างผมและเธอ ได้ถูกปรับให้คุ้นเคยสนิทกันมากขึ้นโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว คล้ายดั่งการยืนยันถึงความรู้สึกเชื่อใจในอะไรบางอย่าง
“ได้ แล้วฉันจะกำทรายมาฝากเธอหนึ่งกำ”
“นี่เธอเอาจริงเหรอ”
“แน่นอน คนอย่างฉันพูดจริงทำจริงย่ะ 555”
เธอยังคงกวนในแบบของเธอ และเช่นเดียวกันที่ผมเองก็ยังกวนในแบบของผมกลับไป
“ฉันว่ามันคงเป็นของฝากที่แปลกดีนะ ทรายจากทะเลปราณบุรีเนี่ย”
“แน่นอน เธอรอรับได้เลย”
คืนนั้นหลังจากปิดโปรแกรมสนทนา MSN ก่อนหลับตานอน ในขณะที่หัวของผมเพิ่งแตะถึงหมอน ภาพหญิงสาวในชุดนักศึกษาผมยาวที่รวบผม จนเผยให้เห็นใบหน้าสะดุดสายตาพร้อมรอยยิ้มและแก้มเจือสีเลือดฝาด กับตุ้มหูห่วงสีชมพูที่ขยับทุกครั้งยามสายตาเธอหันมามองผม ก็พลันปรากฏแวบขึ้นมาจากกรุความทรงจำที่ผมหลงลืมไปนาน
เหมือนดั่งม้วนภาพยนตร์ที่ถูกกรอกลับไปยังจุดเริ่มต้น
ผมจำเธอได้แล้วว่าเธอคือใคร…เธอคือหญิงสาวคนนั้นนั่นเอง ใช่เธอจริงๆ ด้วย
(ยังมีต่อ...)
4 comments:
รออ่านต่อ
PLANKTON
ดีจัง
-ผู้หญิงที่หลงรักฤดูฝน-
น่ารักดีครับ อ่านแล้วเหงาๆดีนะครับ
รออ่านต่อค่ะ
Post a Comment