Tuesday, October 03, 2006

บันทึกประจำวันหมายเลข 1

สืบเนื่องมาจากคนใกล้ตัวพูดกรอกหูทุกวัน และอาการเจ็บก็เพิ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช้านี้เลยตัดสินใจแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ 7 โมงไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอทำการตรวจวินิจฉัยโรค พร้อมกับบัตรประกันสังคมที่ในที่สุดก็ได้ใช้งานเสียที (เมื่อคืนไอ้เม็ดนุ่นมันบอกว่าเป็นอาการเตือนก่อนอกหักหรือเปล่า เอ่อ…ได้ข่าวว่าที่อกหักนะเม็ดนุ่นไม่ใช่เหรอ)

ไปถึงขั้นตอนก็เป็นไปตามปกติสำหรับคนไข้ใหม่อย่างผม(หมายถึงใหม่ของที่โรงพยาบาลนี้) พยาบาลก็ถามรายละเอียดต่างๆ แล้วให้กรอกเอกสารประวัติคนไข้ หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอ(แต่โชคดีที่รอไม่นาน) พยาบาลก็เรียกชื่อคุณวิภพคะ ผมก็เดินเข้าไปหาพยาบาลถึงได้รู้ว่าบัตรประกันสังคมใช้ไม่ได้(ทั้งๆ ที่ก็จ่ายตังค์ครบนะเฟ้ย)

พยาบาลให้เหตุผลมาว่าอาจจะยังไม่ครบกำหนดสามเดือนหรือไม่ก็ประกันสังคมเขายังไม่แจ้งมา เลยถามว่าแล้วมันต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร
“ไม่น่าจะเกิน 400 นะคะ แค่ตรวจอย่างเดียว”

เลยตัดสินใจบอกพยาบาลว่างั้นตรวจเลยครับ พยาบาลก็ถามอีกว่าเป็นอะไรมาคะ
“ผมเจ็บแปล๊บที่หัวใจมาสี่วันติดๆ แล้วละครับ มีเมื่อวานเจ็บถี่ขึ้น”

พยาบาลฟังแล้วก็มองหน้าแบบอึ้งๆ จนต้องบอกไปว่า
“ไม่ได้มุก ผมเจ็บจริงๆ”

พยาบาลถึงได้พาไปจุดตรวจอีกที่หนึ่งพร้อมทั้งบอกว่าเดี๋ยวจะทำสิทธิ์คนไข้ให้ลด10%แล้วกัน (ใจดีมาก) พอถึงจุดตรวจคราวนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอนปกติอีก คือชั่งน้ำหนัก วัดความดัน บอกอาการ แล้วก็เช่นเคย พอบอกพยาบาลที่ตรวจว่า เจ็บแปล๊บที่หัวใจ พยาบาลก็มองหน้าแบบอึ้งๆ อีก
“ผมเจ็บจริงๆ ครับ”
“งั้นเอามือล้วงเข้ามาในนี้เลยคะ ดันเข้ามาหน่อยคะ นั่นแหละคะ ดีคะ”(เอ่อ…อย่าคิดลึก)

เครื่องวัดความดันค่อยๆ รัดเข้าตรงท่อนแขน พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ว่าเส้นชีพจรมันเต้นแบบสัมผัสได้ จนพุ่งไปถึง117และลดลงมาที่67 สรุปค่าความดันในตอนนี้คือ 117/67 (ปกติไม่ควรเกิน140และไม่ควรต่ำกว่า40) หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอเขาเรียกเข้าไปพบหมอเพื่อทำการวินิจฉัย ระหว่างรอเลยนั่งอ่านข่าวนาตาลี เกลโบวา ไปออกรายการVIP แล้วขี่ควาย ดำนา เห็นแล้วสงสาร ไม่เข้าใจทำไมคนสวยต้องมาทำอะไรอย่างนี้(เป็นพี่อันกับเม็ดนุ่นว่าไปอย่าง) อ่านๆ อยู่ได้ครึ่งเดียวพยาบาลก็มาเรียกให้เข้าไปพบหมอ

หมอเป็นผู้ชายถามนู่นถามนี่แล้วก็บอกว่า ทีหลังถ้าไปเดินป่าแล้วมีไข้ให้มารีบตรวจทันที โชคดีนะที่ไม่มีไข้ แล้วพยาบาลก็มาเรียกให้ไปขึ้นเตียง (เอ่อ…อย่าคิดมาก) แล้วบอกว่า
“ขึ้นไปนอนแล้วถอดเสื้อเลยคะ”(อย่าคิดมากอีก)

พอเห็นผมเงอะๆ งะๆ พยาบาลเลยบอกว่า ถอดเลยคะอย่าช้า แต่ไม่ต้องถอดหมดนะคะ(เอ๊ะยังไง) สักพักหมอก็เดินมาเอาเครื่องมือมาตรวจจับชีพจรซ้ายทีขวาที แล้วก็เอามือกดๆ พอเสร็จหมอก็ตบพุงไปหนึ่งที(เซ็งเพราะแขม่วไม่ทัน) แล้วบอกว่า ปกติดีแต่น่าจะไปเอกซเรย์ดูด้วยเพื่อความแน่ใจ เลยเดินตามพยาบาลไปนั่งรออยู่หน้าห้องเอกซเรย์

นั่งรออยู่สักพักพยาบาลก็เรียกเข้าไปในห้องถามว่าใส่สร้อยหรือเปล่าถ้าใส่ก็ต้องถอดก่อน เลยถอดสร้อยเก็บไว้ในกระเป๋า(สร้อยแบบเชือกไม่ใช่สร้อยทอง) แล้วพยาบาลก็บอกให้ไปยืนตรงเครื่องฉาย จับมือผมเท้าเอวแล้วเลื่อนเครื่องฉายให้สูงขึ้น(นึกภาพยืนเท้าเอวสองข้างแล้วยืนเชิดหน้า) แล้วพยาบาลก็เอามือมากดตูดให้ยืนชิดกับเครื่อง ก่อนจะบอกว่า
“เดี๋ยวหายใจลึกๆ แล้วค้างไว้นะคะ”

ผมก็หายใจลึกๆ แล้วค้างไว้ตามที่พยาบาลบอกจนนานผิดปกติ หันไปมองดูถึงได้รู้ว่า พยาบาลยังไม่ได้เดินไปประจำที่เครื่อง แต่เดินไปที่อื่นแทน พอกลับมาที่เครื่องถึงได้บอกว่า
“หายใจลึกๆ แล้วกั้นไว้สิคะ”(เอ่อ…กูกลั้นหายใจจนจะหายใจไม่ออกแล้วนะ)
“เสร็จแล้วคะ เดี๋ยวเดินไปนั่งรอให้หมอตรวจเลยนะคะ”

สุดท้ายผลการตรวจออกมาว่า อาการเสียวแปล๊บๆ ตรงแถวหัวใจ เกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบแถวอกแถวหัวใจอักเสบ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากการแบกเป้หนักๆ ตอนไปเดินป่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และได้ยามากินเยอะมาก

นอกจากยาคลายกล้ามเนื้อแล้ว หนึ่งในนั้นคือ ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่เคยกินมาก่อน และจ่ายค่ายาที่เบิกประกันสังคมไม่ได้อีก 984 บาท (ไหนว่าไม่น่าเกิน 400ไงวะ) และเหลือเงินออกมาจากโรงพยาบาล 16 บาท T-T
ขากลับนั่งรถตู้ไปทำงานได้ยินคนข้างๆ มันโทรศัพท์หาเพื่อนพูดว่า อะไรวันนี้วันเกิดกูมึงจำไม่ได้เหรอ

เฮ้อ…อีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดตัวเองแล้วหวังว่าคงไม่ต้องพูดกับใครแบบนี้นะ

6 comments:

Anonymous said...

เอ่อ..ตกลงพี่โหน่งไปหาหมอใช่ป่ะ ไม่ได้ไปทำอาไรอย่างอื่นนะ?? สรุปเป็นแค่กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเองหรอ ? น่าเสียดายว่ะ

Anonymous said...

แอบเป็นโรคเดียวกันเลย แต่ของดาวนี่หมอฟันธง ไม่ทันได้เอ๊กซเรย์ไรทั้งสิ้น ยาดาวก็ทำหายไปแล้ว 55+ แต่ช่วงนี้ดีขึ้นไม่ค่อยเปน ตอนแรกคิดว่าเปนเพราะกินปลาหมึกเยอะไป กะของมันๆ แต่ไม่รุว่าเก่วป่าว โฮะๆ

นุ่น said...

ไม่ต้องห่วง แกได้พูดแน่ ฮ่าๆ
เออ ยกชื่อเรามาอ้าง
ขออนุญาตยัง
มาเลยๆ พาเราไปเลี้ยงเลย...

เออ อีกเรื่อง
ถุ๊ยๆๆๆ ว่าเราอกหัก
แล้วแกไม่เคยอกหักหรือไงโหน่ง เช๊อะๆ

Anonymous said...

หายไวๆ นะน้อง
แหม ป่วยด้วยโรคเท่สุดๆ :)

Anonymous said...

เฮ้อ...เสียดายชิบ...นึกว่าโลกนี้จะสดใสซะแล้ว...อ่ะ ล้อเล่น

Anonymous said...

พี่โหน่ง

เศร้าอ่ะ อยากร้องไห้ แต่ต้องได้แค่คลอๆ

เพราะอ่านที่หอสมุดอ่านเค้า

เดี๋ยวมีคนว่าบ้า :)